1.เที่ยวสมุทรปราการ เมืองโบราณ – พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่จำลองสถานที่สำคัญจากทั่วประเทศ
เมืองโบราณ หรือที่รู้จักกันในชื่อเมืองโบราณและสยามโบราณ เป็นอุทยานและพิพิธภัณฑ์สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีพื้นที่กว่า 800 ไร่ ห่างจากใจกลางกรุงเทพฯ ประมาณ 1 ชั่วโมง ใกล้กับศูนย์นันทนาการบางปู ริมฝั่งอ่าวกรุงเทพ อุทยานแห่งนี้มีรูปร่างเหมือนกับประเทศไทย เป็นการจำลองชีวิตและยุคสมัยในสยามโบราณ อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวาง คุณสามารถเดินชมอุทยาน ขี่จักรยาน หรือเช่ารถกอล์ฟได้ อุทยานแห่งนี้มีอาคารที่มีชื่อเสียง อนุสรณ์สถาน และตัวอย่างสถาปัตยกรรมไทยอันงดงามอื่นๆ จากทั่วประเทศรวม 116 แห่ง อาคารบางหลังเป็นแบบจำลองขนาดเท่าของจริงของสถานที่ที่มีอยู่หรือในอดีต

ที่มาของภาพ (tripkub เที่ยวสมุทรปราการ ตะลุยเมืองโบราณ ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพสุดปัง)
ที่อยู่ เวลาทำการ และค่าบริการ
296/1 ถ. สุขุมวิท ตำบล บางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ สมุทรปราการ 10280
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 9.00 – 19.00 น.
ค่าเข้าชมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวัน ช่วงบ่ายแก่ๆ จะมีราคาถูกกว่า
ช่วงเวลา 09.00 – 16.00 น.
ผู้ใหญ่คนละ 700 บาท
เด็กคนละ 350 บาท
รถยนต์หรือรถตู้คนละ 400 บาท
ช่วงเวลา 16.00 – 19.00 น.
ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 350 บาท
เด็ก 175 บาท
รถยนต์หรือรถตู้คนละ 200 บาท
สามารถเช่ารถกอล์ฟ 4 ที่นั่งได้ในราคาชั่วโมงแรก 350 บาท ชั่วโมงถัดไปชั่วโมงละ 200 บาท
หากต้องการเช่ารถกอล์ฟ 1 คัน ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปและแสดงใบอนุญาตขับขี่
ช่องทางการติดต่อ
โทร : 02-026-8800
เว็ป : https://www.muangboranmuseum.com/
facebook : https://www.facebook.com/muangborantheancientcity/
youtube : https://www.youtube.com/channel/UCGk1TnLc8Go2JPYqqJh2-eA
LINE : https://line.me/R/ti/p/%40irn7086b
หากคุณต้องการชื่นชมศิลปะไทยในอดีต ห้ามพลาด!!!
2. ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ – ฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ (Samut Prakan Crocodile Farm and Zoo) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทั้งในด้านการอนุรักษ์และการศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะจระเข้ ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญทางนิเวศวิทยาและเศรษฐกิจของประเทศไทย
ประวัติความเป็นมา
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2498 โดยนายอุทัย ยังประภากร (นาย หยาง ไห่ ฉวน) เพื่อทดลองเพาะเลี้ยงจระเข้จากธรรมชาติในเชิงเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สายพันธุ์ไม่ให้สูญพันธุ์
ต่อมา ฟาร์มได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเป็นสถานที่เพาะพันธุ์จระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจระเข้หลากหลายสายพันธุ์มากกว่า 100,000 ตัว และเป็นแห่งแรกของโลกที่มีการแสดงโชว์การต่อสู้กับจระเข้ ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
กิจกรรม
-
การแสดงโชว์จระเข้: การแสดงการจับจระเข้ด้วยมือเปล่าและการแสดงการต่อสู้กับจระเข้ ซึ่งเป็นการแสดงที่ได้รับความนิยมและสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชม
-
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์: จัดแสดงกระดูกและหุ่นจำลองไดโนเสาร์ พร้อมการฉายสไลด์มัลติวิชั่นเกี่ยวกับมนุษย์และสัตว์ดึกดำบรรพ์
-
การแสดงของช้างแสนรู้: ช้างไทยแสดงความสามารถต่าง ๆ เช่น การเดินบนลวดสลิง การวาดภาพ และการเล่นสเก็ตบอร์ด
-
สัตว์อื่น ๆ: มีการจัดแสดงสัตว์หลากหลายชนิด เช่น เสือขาว ลิงชิมแปนซี อูฐ เต่า และนกนานาชนิด
-
ผลิตภัณฑ์จากจระเข้: นักท่องเที่ยวสามารถซื้อผลิตภัณฑ์จากจระเข้ เช่น เนื้อจระเข้ กระเป๋าหนังจระเข้ และเลือดจระเข้บำรุงร่างกาย

ที่มาของภาพ (ฟาร์มจะเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ)
เวลาทำการและค่าเข้าชม
สำหรับกลุ่มนักเรียนหรือสถาบันการศึกษา สามารถติดต่อขอวิทยากรล่วงหน้าได้ที่ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ
ที่ตั้ง
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการตั้งอยู่ที่ 555 หมู่ 7 ถนนท้ายบ้าน ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
ติดต่อสอบถาม
โทร : 062 - 517 - 4464
facebook : ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์ สมุทรปราการ
สถานที่นี้เป็นแหล่งเรียนรู้และความบันเทิงที่เหมาะสำหรับทุกวัย หากคุณมีโอกาสมาเยือนสมุทรปราการ อย่าพลาดที่จะมาเยี่ยมชมฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการครับ
3. เที่ยวสมุทรปราการ ที่ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ – แลนด์มาร์กสำคัญที่มีช้างสามเศียรขนาดใหญ่และจัดแสดงศิลปวัตถุโบราณ
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผสมผสานศิลปะ วัฒนธรรม และความเชื่อทางศาสนาได้อย่างลงตัว จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์คือรูปปั้นช้างสามเศียรขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจักรวาลวิทยาฮินดูและพุทธศาสนา

ที่มาของภาพ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
ประวัติและความสำคัญ
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณก่อตั้งขึ้นโดยคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ นักธุรกิจและผู้ใจบุญชาวไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย รูปปั้นช้างสามเศียรที่ตั้งอยู่บนยอดอาคารสูง 43.6 เมตร (ประมาณ 143 ฟุต) เป็นงานประติมากรรมที่ทำจากทองสัมฤทธิ์และเคาะด้วยมือ ซึ่งถือเป็นรูปปั้นช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
โครงสร้างและการจัดแสดง
พิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 3 ชั้นหลัก ซึ่งแต่ละชั้นสื่อถึงมิติต่าง ๆ ของจักรวาลตามความเชื่อไทยโบราณ:
-
ชั้นใต้ดิน (Underworld): แสดงถึงโลกใต้พิภพ โดยมีของสะสมโบราณวัตถุและศิลปวัตถุทางศาสนาจากทั่วโลก
-
ชั้นโลกมนุษย์ (Middle World): นำเสนอโลกมนุษย์ โดยเน้นที่ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของประเทศไทย พร้อมด้วยกระจกสีสไตล์ยุโรปและผลงานศิลปะที่สะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณและอาณาจักรของมนุษย์
-
ชั้นสวรรค์ (Heavenly World): เป็นสัญลักษณ์ของสวรรค์ บริเวณนี้เงียบสงบและร่มรื่น เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและศิลปวัตถุทางศาสนา
สวนพรรณไม้วรรณคดี
รอบ ๆ พิพิธภัณฑ์มีสวนที่ได้รับการจัดสวนอย่างพิถีพิถันและเต็มไปด้วยรูปปั้น น้ำพุ และต้นไม้ บริเวณนี้เป็นพื้นที่สงบเงียบสำหรับการไตร่ตรองและพักผ่อน ซึ่งช่วยให้การเดินทางทางจิตวิญญาณโดยรวมดีขึ้น
ข้อมูล
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ วัฒนธรรม และจิตวิญญาณอย่างลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์และความเชื่อทางศาสนา รวมถึงผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศสงบเงียบและสวยงามของสถานที่
4. ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง – ตลาดน้ำที่มีของกินพื้นบ้านและของฝากมากมาย
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งมีลักษณะเป็นซุ้มเรียงรายตามทางเดินยาวกว่า 2 กิโลเมตร ขนานไปกับคลองซอยสายเล็ก ๆ ที่แตกแขนงจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามาในพื้นที่ที่ทำการเกษตรของชาวบ้าน ภายในตลาดมีสินค้าหลากหลายทั้งของกินของใช้ของฝากนานาชนิด เช่น ขนมหวานพื้นเมืองฝีมือชาวบ้าน เช่น ขนมถ้วย ขนมจาก กล้วยแขก ม้าฮ่อ ขนมตระกูลทอง กาละแมกวน ฝอยเงินที่ใช้ไข่ขาวต้มในน้ำเชื่อมรสหวานชุ่มคอ หมี่กรอบโบราณ และอาหารคาว เช่น ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ไส้กรอกโบราณ ห่อหมกหมู หอยทอดในถาดขนมครก ไก่สะเต๊ะ น้ำพริกต่าง ๆ พร้อมเลือกผักเคียงข้างจาน เช่น ผักกระถิน ผักบุ้ง ผักหนาม ผักดองชนิดต่าง ๆ ที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการแปรรูปพืชผักให้มีรับประทานนอกฤดูกาล

นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมสินค้า OTOP ที่สร้างสรรค์จากคนในชุมชนบางน้ำผึ้งและตำบลใกล้เคียงในจังหวัดสมุทรปราการ เช่น ดอกไม้เกล็ดปลา บ้านธูปสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากทะเลอย่างกุ้งแห้ง กะปิ หอยดอง ภาพประดิษฐ์จากรกมะพร้าว ของตกแต่งบ้าน – ดอกหญ้าหลากสี โมบายล์ ลูกตีนเป็ดรูปร่างแปลกตา เป็นต้น สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจในตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ได้แก่ การนั่งเรือพายชมบรรยากาศริมคลอง นวดแผนโบราณ เช่าจักรยานปั่นเที่ยวบางกระเจ้า หรือพักผ่อนในบรรยากาศไทย ๆ ที่เรือนนมสด ซึ่งเป็นร้านกาแฟและอาหารทานเล่นแบบไทย
ข้อมูล
การเดินทาง
-
รถยนต์ส่วนตัว: ใช้ทางด่วนมาลงที่ถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปทางพระประแดง แล้วเลี้ยวขวาไปบางกอบัว ข้ามสะพานไปและตรงไปประมาณ 4 กิโลเมตร จะเจอทางเข้าตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
-
รถโดยสารประจำทาง: สามารถขึ้นรถสาย ปอ.138, สาย 82, ปอ.140 สาย 82 หรือ สาย 506 ไปลงที่ตลาดพระประแดง แล้วต่อรถประจำทางสายพระประแดง-บางกอบัว ซึ่งจะผ่านตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ติดต่อสอบถาม
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนริมคลองใกล้กรุงเทพฯ
5. เที่ยวสมุทรปราการ สถานตากอากาศบางปู – จุดชมพระอาทิตย์ตกดิน และที่อยู่ของนกนางนวลจำนวนมาก
สถานตากอากาศบางปู จังหวัดสมุทรปราการ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสำหรับการชมพระอาทิตย์ตกดิน โดยเฉพาะช่วงเย็นตั้งแต่ประมาณ 17:00 น. เป็นต้นไป
ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานสุขตา
สะพานสุขตาเป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมสำหรับการชมพระอาทิตย์ตกดิน โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม ซึ่งเป็นช่วงที่นกนางนวลอพยพมาจากไซบีเรีย นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารนกนางนวลด้วยกากหมูที่มีขายบริเวณสะพาน และถ่ายภาพร่วมกับนกและแสงอาทิตย์ที่กำลังตกดินได้อย่างสวยงาม

ที่มาของภาพ สถานตากอากาศบางปู
กิจกรรมที่น่าสนใจ
-
ให้อาหารนกนางนวล: นักท่องเที่ยวสามารถซื้อกากหมูจากร้านบริเวณสะพานและให้อาหารนกนางนวลที่บินวนอยู่รอบๆ กิจกรรมนี้เป็นที่นิยมและช่วยให้ได้ภาพถ่ายที่สวยงาม
-
เดินเล่นบนสะพานสุขตา: สะพานสุขตายาวประมาณ 500 เมตร เป็นที่นิยมสำหรับการเดินเล่นและชมวิวทะเล บริเวณปลายสะพานมีศาลาสุขใจ ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ให้บริการอาหารทะเลสดๆ
ข้อมูลการเดินทาง
-
ที่ตั้ง: ถนนสุขุมวิท กม.ที่ 37 ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการเวลาทำการ: เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 20:00 น.
-
การเดินทาง: สามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถสาธารณะ เช่น รถเมล์สาย 145, 511, 536 จากหมอชิตหรืออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ข้อมูล
สถานตากอากาศบางปูเป็นสถานที่สมุทรปราการที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสกับธรรมชาติริมทะเลใกล้กรุงเทพฯ โดยเฉพาะการชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามและกิจกรรมให้อาหารนกนางนวลที่น่าสนใจ
6. วัดบางพลีใหญ่ – วัดเก่าแก่ที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง
วัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นที่ประดิษฐานของ "หลวงพ่อโต" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของชาวสมุทรปราการ
ประวัติ
เดิมวัดนี้มีชื่อว่า "วัดพลับพลาไชยชนะสงคราม" สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะในสงคราม ต่อมาชื่อวัดได้เปลี่ยนเป็น "วัดบางพลีใหญ่ใน" เนื่องจากมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เป็นมิ่งขวัญของวัด

ที่มาของภาพ CBTthailand
ตำนานหลวงพ่อโต
ตามตำนานเล่าว่า หลวงพ่อโตเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปสามพี่น้อง ได้แก่ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อโสธร และหลวงพ่อโต พระพุทธรูปทั้งสามได้ล่องลอยมาตามลำน้ำเจ้าพระยาและแสดงอภินิหารระหว่างทางจนเป็นที่โจษขานกันทั่วไป เมื่อมาถึงคลองสำโรง ชาวบ้านได้ทำพิธีผูกแพชะลอกับองค์ท่านและอธิษฐานว่า "หากท่านประสงค์จะขึ้นโปรดที่ใด ก็ขอจงได้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมาจงหยุด ณ ที่นั้นเถิด" จนแพลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม และหลวงพ่อโตจึงหยุดนิ่ง ชาวบ้านจึงได้พร้อมใจกันอาราธนาตั้งจิตอธิษฐานนำท่านขึ้นจากน้ำได้ในที่สุด

ที่มาของภาพ วิกิพีเดีย
ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโต
หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลปะสมัยสุโขทัย ขัดสมาธิ องค์สีทองอร่าม ชาวบ้านเชื่อว่าหลวงพ่อโตสามารถช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เช่น การขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บและคุ้มครองให้ผู้ไปกราบไหว้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตราย
ประเพณีโยนบัว
ทุกปีในช่วงเดือนพฤษภาคม ชาวสมุทรปราการจะจัดงานประเพณี "โยนบัว" เพื่อเป็นการบูชาหลวงพ่อโต ในงานนี้จะมีการจัดขบวนแห่หลวงพ่อโตและกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ผู้คนได้ร่วมสักการะและขอพรจากหลวงพ่อโต
การเดินทาง
-
ที่ตั้ง: ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
-
เวลาทำการ: เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08:00 – 17:00 น.
-
ค่าเข้าชม: ไม่มีค่าใช้จ่าย
-
การเดินทาง: สามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถสาธารณะ เช่น รถเมล์สาย 145, 511, 536 จากหมอชิตหรืออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ข้อมูล
วัดบางพลีใหญ่ในเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชุมชน พร้อมทั้งขอพรจากหลวงพ่อโตเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต
7.ป้อมพระจุลจอมเกล้า – ป้อมปราการเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
ป้อมพระจุลจอมเกล้า (Phra Chulachomklao Fort) ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นป้อมปราการทางน้ำที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2427 (รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ รัชกาลที่ 5) เพื่อป้องกันการรุกรานจากอังกฤษและฝรั่งเศส โดยเฉพาะการป้องกันการเข้ามาของเรือรบข้าศึกทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา
ประวัติและความสำคัญ
ป้อมพระจุลจอมเกล้าเป็นป้อมปราการที่ทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น โดยติดตั้งปืนใหญ่แบบตะวันตกที่เรียกว่า "ปืนเสือหมอบ" จำนวน 7 กระบอก ซึ่งเป็นปืนใหญ่อาร์มสตรองขนาด 152/32 มม. ที่มีสมรรถนะสูงและติดตั้งในหลุมปืนโดยเฉพาะ การยกปืนเมื่อทำการยิงใช้อากาศ-น้ำมัน เมื่อยิงไปแล้วปืนจะหมอบลง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "ปืนเสือหมอบ"
ในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2436 (วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112) ป้อมพระจุลจอมเกล้าได้มีการใช้งานจริงในการต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสที่ล่วงล้ำเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ผลการสู้รบทำให้ทหารฝรั่งเศสเสียชีวิต 3 นาย และบาดเจ็บ 3 นาย ส่วนทหารไทยเสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บ 41 นาย และสูญหาย 1 นาย แต่ไม่มีทหารของปืนป้อมพระจุลจอมเกล้าบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่อย่างใด

ที่มาของภาพ ป้อมพระจุลจอมเกล้า
สิ่งที่น่าสนใจในป้อมพระจุลจอมเกล้า
-
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว: ประดิษฐานเมื่อ พ.ศ. 2536 เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
-
เรือหลวงแม่กลอง: เรือรบเก่าแก่ที่สุดของไทยที่ประจำการยาวนานถึง 59 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 ถึง พ.ศ. 2539 ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เรือรบไทยให้ผู้สนใจได้เยี่ยมชม
-
อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ: จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์และส่วนประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทหารเรือไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงปัจจุบัน
-
เส้นทางธรรมชาติป่าชายเลน: มีสะพานทอดยาวไปในทะเล รับลมเย็นสบาย เหมาะสำหรับการเดินเล่นและศึกษาระบบนิเวศน์

ที่มาของภาพ ป้อมพระจุลจอมเกล้า
ข้อมูลการเดินทาง
ข้อมูล
ป้อมพระจุลจอมเกล้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย ที่ไม่เพียงแต่มีความสำคัญทางการทหาร แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และพักผ่อนหย่อนใจที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่สนใจในประวัติศาสตร์และธรรมชาติ
8. สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์ หรือ บางกะเจ้า
สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "บางกะเจ้า" ตั้งอยู่ในตำบลบางกะเจ้า อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ปอดของคนเมือง" เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและระบบนิเวศที่หลากหลาย
ความสำคัญและประวัติความเป็นมา
สวนศรีนครเขื่อนขันธ์มีพื้นที่กว่า 200 ไร่ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นแหล่งผลิตอากาศบริสุทธิ์และเป็นสวนสาธารณะที่ประชาชนสามารถมาพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายได้ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ศึกษาระบบนิเวศของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ในท้องถิ่น
พื้นที่นี้เคยเป็นชุมชนสวนผลไม้ที่มีการขุดร่องน้ำเพื่อช่วยระบายน้ำ ต่อมาภาครัฐได้เข้ามาฟื้นฟูพื้นที่โดยการปลูกพันธุ์ไม้และดูแลรักษาให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติ ทำให้สวนแห่งนี้ได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ เอเชีย ให้เป็น "The Best Urban Oasis of Asia" ในปี พ.ศ. 2549

ที่มาของภาพ เที่ยวบางกระเจ้า สมุทรปราการ (tripkub)
ไฮไลต์และกิจกรรมที่น่าสนใจ
-
หอดูนก เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี เหมาะสำหรับการดูนกและถ่ายภาพ
-
เส้นทางปั่นจักรยาน มีเส้นทางจักรยานที่ทอดยาวผ่านสวนและพื้นที่ธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถปั่นจักรยานเพื่อชมความงามของธรรมชาติและสัมผัสกับระบบนิเวศที่หลากหลาย
-
สะพานไม้และอุโมงค์ต้นไม้ สะพานไม้ทอดยาวและอุโมงค์ต้นไม้ที่ร่มรื่นเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปและพักผ่อน
-
พันธุ์ไม้และระบบนิเวศที่หลากหลาย สวนแห่งนี้มีพันธุ์ไม้หลายชนิดที่เจริญเติบโตได้ในน้ำกร่อย เช่น ต้นตีนเป็ดทะเล ต้นจาก และพืชน้ำกร่อยอื่น ๆ รวมถึงสัตว์น้ำประจำถิ่นอย่างปลาเสือพ่นน้ำและปลากระดี่หม้อ

ที่มาของภาพ เที่ยวบางกระเจ้า สมุทรปราการ (tripkub)
ข้อมูลการเดินทางและการติดต่อ
สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับธรรมชาติและหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่ หากคุณกำลังมองหาสถานที่สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและกิจกรรมกลางแจ้งในบรรยากาศธรรมชาติ สวนแห่งนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก
9.บ้านธูปหอมสมุนไพร บางกะเจ้า
บ้านธูปหอมสมุนไพร ตั้งอยู่ในบริเวณคุ้งบางกะเจ้า ตำบลบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำธูปสมุนไพรไล่ยุงและการทำผ้ามัดย้อม
ประวัติและแนวคิด
บ้านธูปหอมสมุนไพรเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2538 หลังจากเกิดน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่สวนเกษตรของชาวบ้าน ซึ่งสร้างความเสียหายและต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูพื้นที่ทำการเกษตร จึงมีแนวคิดที่จะเรียนรู้และหาอาชีพอื่นมาทดแทน โดยเริ่มจากการเรียนรู้การทำธูปหอม 7 สีขึ้นมาก่อน แต่เนื่องจากไม่เข้ากับวิถีชีวิตชุมชน จึงปรับเปลี่ยนโดยหาวัสดุท้องถิ่นมาใช้ เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต และให้เข้ากับวิถีชุมชนท้องถิ่น จนได้เป็นผลิตภัณฑ์ธูปสมุนไพรสำหรับไล่ยุง ซึ่งมีรูปแบบเหมือนธูปบูชาพระ ใช้จุดในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่ธูปสมุนไพรนี้ใช้จุดสำหรับไล่ยุง ไล่แมลงไม่ให้มารบกวน และไม่เป็นพิษต่อมนุษย์ด้วย

ที่มาของภาพ CBTthailand
กิจกรรมที่น่าสนใจ
-
การทำธูปสมุนไพรไล่ยุง: ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้วิธีการทำธูปจากสมุนไพรท้องถิ่น เช่น ตะไคร้หอม มะกรูด อบเชย และสะเดา ซึ่งมีสรรพคุณในการไล่ยุงและแมลง โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
-
การทำผ้ามัดย้อม: กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เลือกผ้าและลวดลายที่ต้องการ จากนั้นเรียนรู้วิธีการมัดและย้อมผ้าในลวดลายต่างๆ เช่น ลายกนน ลายสี่เหลี่ยม และลายหอยใหญ่

ที่มาของภาพ CBTthailand
ข้อมูลติดต่อ
บ้านธูปหอมสมุนไพรเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้และสัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น ผ่านกิจกรรมที่น่าสนใจและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใครในบางกะเจ้า บ้านธูปหอมสมุนไพรเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
10.วัดพระสมุทรเจดีย์
วัดพระสมุทรเจดีย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “พระเจดีย์กลางน้ำ” ตั้งอยู่ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดสมุทรปราการ
ประวัติความเป็นมา
วัดพระสมุทรเจดีย์สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2362 ในสมัยรัชกาลที่ 2 โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมหาเจดีย์บนเกาะกลางน้ำ และพระราชทานนามว่า “พระสมุทรเจดีย์” ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์เป็นพระเจดีย์สูง 20 เมตร และในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ปรับปรุงให้มีความสูงขึ้นเป็น 38 เมตร พร้อมทั้งอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ 12 องค์จากพระบรมมหาราชวังมาบรรจุไว้ภายใน
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด
-
พระสมุทรเจดีย์: องค์พระเจดีย์สีขาวโดดเด่นตั้งอยู่กลางน้ำ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระชัยวัฒน์
-
พระวิหารหลวง: ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร เชื่อกันว่าจะช่วยห้ามสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากทะเล
-
เก๋งจีนและตึกฝรั่ง: ศาลาในสไตล์จีนและยุโรปที่ใช้เป็นที่พักผ่อนและชมวิว
-
สะพานวิบูลย์ศรี: สะพานที่เชื่อมต่อไปยังเกาะกลางน้ำที่ตั้งพระเจดีย์

ที่มาของภาพ พระสมุทรเจดีย์
กิจกรรมและงานประเพณี
-
ไหว้พระและขอพร จากองค์พระเจดีย์
-
เดินชมวิวแม่น้ำ บนสะพานและลานรอบเจดีย์
-
ถ่ายรูป กับสถาปัตยกรรมและเจดีย์กลางน้ำ
-
งานห่มผ้าองค์พระเจดีย์ (ประเพณีแห่ผ้าแดง) ช่วงแรม 5 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี
การเดินทาง
-
โดยรถยนต์ส่วนตัว: จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสุขสวัสดิ์ (หมายเลข 303) มุ่งหน้าไปอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
-
โดยเรือ: สามารถนั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือในตลาดปากน้ำไปยังท่าเรือพระสมุทรเจดีย์
เวลาทำการ
เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07:00 – 18:00 น.
วัดพระสมุทรเจดีย์เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมทั้งชมความงามของพระเจดีย์กลางน้ำและบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา
สำหรับผู้ที่ต้องการ เช่ารถ เพื่อเดินทางท่องเที่ยวที่สมุทรปราการ เช็คราคาเช่ารถได้ที่ เช่ารถสมุทรปราการ เช่าง่าย ได้รถไว สบายใจหายห่วง